G2 phase หรือระยะหลังสังเคราะห์ DNA
- มีการสังเคราะห์ RNA และโปรตีนลดน้อยลง
- เซลล์มีปริมาณ DNA, RNA และโปรตีนมากเพียงพอที่จะใช้ในการแบ่งเซลล์ระยะต่อไป
- ใช้เวลาประมาณ 20% ของเวลาในหนึ่งวัฏจักรเซลล์
2. ระยะแบ่งเซลล์ (Cell Division)
- เป็นระยะที่มองเห็นโครโมโซม (Chromosome)
- ใช้เวลาประมาณ 5-10% ของเวลาในหนึ่งวัฏจักรเซลล์
แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ
การแบ่งนิวเคลียส (Karyokinesis)
1.
Picture
2 ระยะเมทาเฟส I (Metaphase I)
โครโมโซมหดสั้นที่สุด เซนโทรเมียร์ของทุกไบเวเลนต์เรียงตัวกลางเซลล์
มีเส้นใยสปินเดิลยึดที่เซนโทรเมียร์ของทุกไบเวเลนต์ ซึ่งกำลังแยกจากกันไปยังขั้ว เซลล์แต่ละข้าง
2. 3 ระยะแอนาเฟส I (Anaphase I)
เส้นใยสปินเดิลดึงโครโมโซมแต่ละคู่ของไบเวเลนต์ไปยังขั้วเซลล์แต่ละข้างมากขึ้น โดยโครโมโซมยังประกอบด้วย 2 โครมาทิด
โครมาทิดที่เกิด
Crossing Over จะมียีนที่แตกต่างจากโครมาทิดอีกแท่งหนึ่ง
2. 4 ระยะเทโลเฟส I (Telophase I)
โครโมโซมแยกไปถึงขั้วเซลล์ โดยแต่ละโครโมโซมยังประกอบด้วย 2 โครมาทิด มี จำนวนโครโมโซมเป็นแฮพลอยด์ (n)
ในสิ่งที่มีชีวิตบางชนิดมีการสร้างเยื่อหุ้มนิวเคลียส ทำให้เห็นเป็น 2 นิวเคลียส โครโมโซมคลายตัวเป็นเส้นยาวเพื่อเข้าสู่ระยะอินเตอร์เฟสในช่วงสั้นๆ ก่อนเข้าสู่ระยะไมโอซิส II ต่อไป
ในสิ่งมีชีวิตบางชนิดพบว่าหลังผ่านระยะแอนาเฟส
I ก็จะเข้าสู่ระยะเมทาเฟส
II เลย
2. 2 ไมโอซิส II (Meiosis II) เป็นระยะที่ไม่มีการสังเคราะห์โครโมโซมใหม่
( มีขั้นตอนเช่นเดียวกับ
การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส) ทำให้จำนวนโครโมโซมเป็นแฮพลอยด์เหมือนเดิม แบ่งเป็น 4 ระยะ คือ
2. 2. 1 ระยะโพรเฟส II (Prophase II)
- โครโมโซมติดกันที่เซนโทรเมียร์ แขนของแต่ละโครมาทิดแยกกันชัดเจน
- นิวคลีโอลัสและเยื่อหุ้มนิวเคลียสเริ่มสลายไป
2.
2 ระยะเมทาเฟส II (Metaphase II)
- โครโมโซมเคลื่อนที่มาเรียงกันตรงกลางเซลล์ มีเส้นใยสปินเดิลยึดติดกับเซนโทรเมียร์
- เซนโทรเมียร์เริ่มแบ่งตัวทำให้ซิสเตอร์โครมาทิดเริ่มแยกออกจากกัน
2. 3 ระยะแอนาเฟส II (Anaphase II)
- เส้นใยสปินเดิลหดสั้น ดึงให้แต่ละโครมาทิดแยกไปยังขั้วเซลล์แต่ละข้าง
2. 4 ระยะเทโลเฟส II (Telophase II)
- แต่ละโครมาทิดที่ขั้วเซลล์เริ่มคลายตัว มีการสร้างเยื่อหุ้มนิวเคลียสขึ้นมาเกิดเป็น
นิวเคลียสใหม่
- แต่ละนิวเคลียสมีโครโมโซมเป็น แฮพลอยด์
(n) หรือลดลงครึ่งหนึ่งจากเซลล์เริ่มต้น
การแบ่งไซโทพลาซึม
สิ่งมีชีวิตบางชนิดมีการแบ่งไซโทพลาซึมหลังจากผ่านไมโอซิส
I กลายเป็นเซลล์ใหม่
2 เซลล์ จากนั้นจึง
แบ่งอีกครั้งหลัง ไมโอซิส
II กลายเป็นเซลล์ใหม่
4 เซลล์
สิ่งมีชีวิตบางชนิดจะแบ่งไซโทพลาซึมหลังจากผ่านไมโอซิส
II แล้วเกิดเป็นเซลล์ใหม่
4 เซลล์พร้อมกัน
การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสและไมโอซิส
ข้อเปรียบเทียบ
ไมโทซิส
ไมโอซิส
1. แหล่งที่พบ
2. จำนวนโครโมโซม
3. จำนวนการแบ่งนิวเคลียส
4. ซิแนปซิสและครอสซิงโอเวอร์
5. ลักษณะพันธุกรรม
6. ความสามารถในการแบ่งเซลล์ใหม่
7. จำนวนเซลล์ที่เกิดขึ้น
เซลล์ร่างกาย
เท่าเดิม
1 ครั้ง
ไม่มี
คงเดิม
แบ่งต่อไปได้อีก
1 → 2 เซลล์
เซลล์สืบพันธุ์
ลดลงครึ่งหนึ่ง
2 ครั้ง
มี
แปรผันไปจากเดิม
แบ่งแบบไมโอซิสอีกไม่ได้
1 → 4 เซลล์
เฉลยข้อสอบเข้าค่าย สอวน ปี62 ข้อ 14: phenotype ที่ได้จากการ crossing over - YouTube
Images
- การ crossing over the counter
- การแบ่งเซลล์: การแบ่งนิวเคลียสแบบไมโอซิส (MEIOSIS)
- Skizztv เกม หนอน
- การ crossing over movie
- เบนซ์ c180 - Trovit
- Wahl pro basic ราคา 2564
- อาชีพทางด้านการบิน – intira58041393
- การ crossing over sea
- การ crossing over pdf
การเปลี่ยนแปลงของยีน อันเกิดจากรังสีหรือสารกัมมันตภาพรังสีหรือสารเคมี
2. เกิด Crossing Over การใช้ของ Chromosome ในการแบ่งเพื่อสร้างเซลล์สืบพันธุ์ทำให้ genes เปลี่ยนที่ไปเป็นสาเหตุให้เกิดการแปรผันทางพันธุกรรม
3. เกิดจากการคัดเลือกโดยธรรมชาติ (Natural selection) การคัดเลือกโดยธรรมชาติซึ่งค่อยเปลี่ยนแปลงสิ่งมีชีวิตไปทีละน้อยโดยใช้ระยะเวลายาวนาน สิ่งมีชีวิตจำเป็นต้องเปลี่ยนเพื่อปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม
แผนภาพแสดงการเกิดวิวัฒนาการ
เฉลยข้อสอบเข้าค่าย สอวน ปี62 ข้อ 14 : phenotype ที่ได้จาก - YouTube
ดาวโหลดข้อสอบ O-net ปีการศึกษา 2551 สอบกุมภาพันธ์ 2552
ข้อ 1 (3)
ข้อ 2 (1)
ข้อ 3 (1)
ข้อ 4 (4)
ข้อ 5 (4)
ข้อ 6 (4)
ข้อ 7 (4)
ข้อ 8 (4)
ข้อ 9 (2)
ข้อ 10 (3)
ข้อ 11 (4)
ข้อ 12 (1)
ข้อ 13 (1)
ข้อ 14 (3)
ข้อ 15 (4)
ข้อ 16 (3)
ข้อ 17 (4)
ข้อ 18 (4)
ข้อ 19 (3)
ข้อ 20 (2)
ข้อ 21 (3)
ข้อ 22(1)
สิ่งดีๆเกิดขึ้นได้เนื่องจากมีผู้สนับสนุน
๐ พันธมิตร ๐
HSK
MUIC
MSU EPT
ลิงก์ผู้สนับสนุน
ข้อ 11) ถ้าแม่มีหมู่เลือด AB และลูกมีหมู่เลือด A พ่อจะมีหมู่เลือดใดได้บ้าง (O-net 51)
1. A หรือ O
2. A หรือ AB
3. A หรือ B หรือ AB
4. A หรือ B หรือ AB หรือ O
คำตอบข้อ 11) ตอบ 4
เหตุผล
ตารางแสดงจีโนไทป์ของเลือดแต่ละหมู่
แม่ หมู่เลือด AB มีแอลลีล IA และ IB
ส่วนลูกซึ่งมีหมู่เลือด A ซึ่งอาจจะมีจีโนไทป์ IAIA หรือ IAi
ดังนั้นพ่อของเด็กคนนี้ จะต้องมี มีแอลลีล IA หรือ i เมื่อพิจารณาแต่ละหมู่เลือดจะพบว่า
• เลือดหมู่ A มีแอลลีล IA และมีโอกาสมีแอลลีล i
• เลือดหมู่ AB มีแอลลีล IA
• เลือดหมู่ B มีโอกาสมีแอลลีล i
• เลือดหมู่ O มีแอลลีล i
*** ดังนั้นพ่อของเด็กคนนี้อาจมีเลือดหมู่ A B AB และ O
ข้อ12)ถ้าสิ่งมีชีวิตไม่เกิดมิวเทชันเลย อาจจะเกิดเหตุการณ์ใดต่อไปนี้ (O-net 51)
1.
Dit hotel
การแบ่งนิวเคลียสแบบไมโอซิส ( meiosis) - เป็นการแบ่งเซลล์เพื่อสร้างเซลล์สืบพันธุ์ของสัตว์ที่มีการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ
แบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ
1. ไมโอซิส I (meiosis I) - เมื่อสิ้นระยะนี้จำนวน โครโมโซม จะลดลงครึ่งหนึ่ง
2.
การแบ่งเซลล์
การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส (Mitosis)
เป็นการแบ่งเพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์ของสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ แต่เป็นการแบ่งเพื่อการสืบพันธุ์ของสิ่งมี
ชีวิตเซลล์เดียว
พบในเซลล์ร่างกาย
(Somatic Cell) โดยทั่วไป
จำนวนโครโมโซมหลังการแบ่งเซลล์ยังคงเป็นดิพลอยด์
(Diploid) หรือ 2n คงเดิม
ก่อนการแบ่งเซลล์จะมีการเตรียมตัวให้พร้อม จึงแบ่งออกเป็น
2 ระยะ คือ
1. ระยะอินเตอร์เฟส (Interphase)
- เซลล์มีอัตราเมแทบอลิซึมสูงมาก เพราะมีการสังเคราะห์
DNA, RNA และโปรตีน จึงเป็นช่วงที่ใช้
เวลานานที่สุด
- นิวเคลียสมีขนาดใหญ่เห็นนิวคลีโอลัสชัดเจน ภายในมีเส้นใยโครมาทิน
(Chromatin) ซึ่งติดสีย้อมได้
เยื่อหุ้มนิวเคลียสยังไม่สลายตัว
- แบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ
1. G1 phase หรือระยะก่อนสังเคราะห์ DNA
- มีการสะสมเอนไซม์ที่มีความจำเป็นต่อการสังเคราะห์ DNA
- มีการสังเคราะห์ RNA และ โปรตีน
- มีการสร้างออร์แกเนลล์ที่จำเป็นสำหรับกิจกรรมของเซลล์
- ใช้เวลาประมาณ 40% ของเวลาในหนึ่งวัฏจักรเซลล์
2. S phase หรือระยะสังเคราะห์ DNA (DNA Synthetic Phase)
- มีการสังเคราะห์ทั้ง DNA, RNA และโปรตีนมากที่สุด
- DNA ที่สร้างขึ้นใหม่มีสมบัติเหมือนชุดเดิมทุกประการจึงเรียกว่า " การจำลอง DNA"
(DNA Replication)
- ใช้เวลาประมาณ 30% ของเวลาในหนึ่งวัฏจักรเซลล์
3.
สิ่งมีชีวิตบางชนิดอาจสูญพันธุ์
2. จำนวนประชากรของสิ่งมีชีวิตจะคงที่
3. จำนวนเผ่าพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตจะเท่าเดิม
4.